Monday, January 27, 2014

ผิวขาดน้ำรักษาด้วยตนเอง (ทำได้ใสไร้สิวแน่นอน)

สวัสดีครับช่วงนี้หลายๆ คนคงมีปัญหาสภาพผิวหน้าที่ต้องเป็นกันคือ "หน้าลอก" ซึ่งบางคนอาการไม่เยอะ บางคนเยอะมาก อย่างเช่นนุชาเป็นต้น ส่วนสาเหตุอาจจะเกิดมาจากสภาพอากาศ การล้างหน้าบ่อยครั้ง การไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดๆ หรือ เกิดการการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวในช่วงการรักษาสิว ทำให้หน้าของเราแห้งลอกครับ

ทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ผิวแห้งคือผิวขาดน้ำ แล้วทำไมผิวถึงขาดน้ำ ?



กลไกการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง

ด้วยคุณสมบัติของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก  หรือเซลล์ชั้นขี้ไคล  ช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บรักษาน้ำไว้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันเชื้อโรค  สารพิษทั้งจากธรรมชาติและที่มนุษย์ผลิตขึ้นและยังมีคุณสมบัติรักษาความชุ่ม ชื้น คือน้ำไว้ในและนอกเซลล์   ความ ชุ่มชื้นของผิวหนังที่พอเหมาะ คือ สภาวะที่ผิวหนังสามารถรักษาระดับน้ำให้คงอยู่ในเซลล์ผิวหนัง และระหว่างเซลล์ผิวหนังกำพร้าได้อย่างสมดุล  ผิวหนังจะชุ่มชื้น เรียบ นุ่มเนียน เต่งตึงและไม่เป็นขุย นอกจากนี้ระดับน้ำในชั้นหนังกำพร้ายังสัมพันธ์กับระดับน้ำในชั้นหนังแท้ ด้วย  ทั้งนี้ผิวหนังมีกลไกรักษาความชุ่มชื้นดังนี้




1. เซลล์ชั้นนอกสุด  หรือที่เรียกว่าชั้นขี้ไคล เป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิต มีไขมันหุ้มภายนอก  ถัดไปเป็นชั้นโปรตีนเป็นปลอกหุ้มเซลล์ผิวหนังชั้นนี้อีกชั้น และมีโปรตีนที่เรียกว่า เคอราติน  เป็นส่วนประกอบภายในเซลล์ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้น้ำทะลุผ่านเซลล์ผิวหนังออก สู่ภายนอก

2.ชั้นไขมันแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคล ทำหน้าที่ปิดกั้นไม่ให้น้ำในร่างกายซึมผ่านช่องระหว่างเซลล์ผิวหนังออกสู่ภายนอก

3. ไขมันจากต่อมไขมัน ที่หลั่งสารไขมันออกตามรูขุมขน  สารไขมันจะแผ่อออกเคลือบผิวของชั้นหนังกำพร้า  ป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านเซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์ออกสู่ภายนอก

สรุป :  การรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังอาศัยคุณสมบัติของผิวหนังชั้นขี้ไคล  ชั้นไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคล  และต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมาเป็นเกราะไม่ให้น้ำซึมผ่านออกสู่ภายนอกผิวได้



ทำไมผิวจึงขาดน้ำ

ผิว ขาดน้ำเป็นผลจากการเสียน้ำออกจากผิวหนัง เกิดจากกลไกสำคัญ 3 ประการ โดยอาจเป็นผลจากกลไกใดกลไกหนึ่งหรือเกิดจากทั้ง 3 กลไก พร้อม ๆ กันได้  ดังนี้

1.ผิวลอกเป็นขุยจากความผิดปกติในการสร้าง ทำให้เสียเสียความสามารถในการรักษาน้ำไว้ที่ผิวหนัง

2.ชั้นหนังกำพร้ามีการหมุนเวียนเร็วกว่า ปกติทำให้ไม่มีเวลาพอในการสร้างผิวหนังชั้นนอกสุดหรือชั้นขี้ไคลที่สมบูรณ์ ได้ หนังกำพร้าชั้นนอกสุดมีส่วนประกอบเป็นชั้นไขมันแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว หนังชั้นขี้ไคล เมื่อผิวหนังที่มีการหมุนเวียนรวดเร็วจะไม่สามารถสร้างชั้น ไขมันได้ทัน จึงเสียความสามารถในการรักษาน้ำให้คงอยู่ในผิวหนัง   มักพบใน ผู้ที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลัดผิวในความเข้มข้นสูงและใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานาน ผิวจะมีลักษณะบาง แดงง่าย

3. มีการทำลายของผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจากสารเคมี เช่น detergents ทำให้สูญเสียไขมันชั้นหนังกำพร้าไป เป็นผลให้ผิวหนังสูญเสียน้ำออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น


อาการแสดงของผิวมันขาดน้ำ  

1. ผิวภายนอกมีน้ำมันออกมาเคลือบ

2. เมื่อดูผิวใกล้ๆจะเห็นริ้วๆหรือกร้านๆ (ลองนึกภาพเวลาที่เราอยู่ใกล้ความร้อนนานๆ เช่น เวลาอยู่หน้าเตาตอนทำกับข้าว)

3. ลูบผิวดูจะรู้สึกว่าผิวไม่นุ่มเนียน ไม่เรียบ ถ้าเป็นมากอาจรู้สึกว่าผิวสากๆ

4. อาการจะเป็นมากประมาณสายๆหรือช่วงบ่ายของวัน พอซับมันแล้วเติมแป้งจะไม่เรียบเนียนเหมือนแต่งตอนเช้า    ผิวขาดน้ำ เกี่ยวกับ ผิวมัน อย่างไร  เมื่อผิวขาดน้ำ ก็เสมือนว่าผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวจะพยายามผลิตน้ำมันออกมาเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป (ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ) จึงทำให้ผิวมีความมันมากกว่าปกติ ทั้งๆที่อาการขาดน้ำยังไม่ได้รับการแก้ไข  หากปล่อยไว้นานจะทำให้ผิวหนังสูญเสียการทำงาน ขาดความกระชับ ยืดหยุ่น และนำไปสู่ผิวอ่อนแอในที่สุด

มาดูกันว่า ผิวคุณ ขาดน้ำหรือเปล่า  ลองนับข้อเหล่านี้ดู ตรงกับตัวคุณมากเท่าไร แสดงว่าผิวคุณมีความเสี่ยงที่จะ " ขาดน้ำ" มากเท่านั้น

1.ดื่มน้ำน้อย

2.อยู่ในห้องแอร์เป็นส่วนใหญ่

3.ชอบอาบน้ำอุ่น

4.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำซึ่งมักพบใน ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวขาว

5.หลังจากล้างหน้าแล้วไม่รีบทา moisturizer ทันที

6.ไม่ค่อยใส่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นได้หรือไม่

7.ทาครีมบำรุงแล้วยังรูสึกว่าผิวสาก กร้าน (อาจมีขุยหรือไม่มีขุย) แต่ก็ยังมีน้ำมันออกมาเคลือบผิวตลอดเวลา ยิ่งซับก็ยิ่งมัน

8. ไม่ค่อยชอบทากันแดดหรือชอบลืมทาครีมกันแดด

9. ใช้ผลิตภณฑ์ล้างหน้าที่มีฤทธิ์ในการชะล้างรุนแรง

10. อายุมากกว่า 25 ปี


รักษาอย่างไรให้ผิวหายขาดน้ำสไตส์นุชา

1. อย่าล้างหน้าบ่อย ให้ล้างวันละ 2 รอบ เช้า - เย็น เท่านั้น

2. หลังจากล้างหน้าให้ทาตัวบำรุงผิวที่เป็นมอยเจอไรเซอร์ทันที ส่วนตัวนุชาใช้ เจลว่านหางจระเข้ โป๊ะหน๋าๆ ฉ่ำๆ เลย

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย คำนวณจากสูตรของ

องค์การอนามัยโลกได้กำหนดสูตรคำนวณปริมาณน้ำดื่มที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของ แต่ละคน ใน แต่ละวันไว้ดังนี้ น้ำหนักตัว (ก.ก.)/2 x 2.2 x30 = … C.C. (1000 C.C. = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 5 แก้ว)

สมมติว่ามีน้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม 55/2 x 2.2 x 30 = 1815 C.C. 1815 C.C. = 1.8 ลิตร 1.8 ลิตร = 9 แก้ว เมื่อทราบปริมาณน้ำดื่มต่อวันแล้ว จะต้องมีเทคนิคในการดื่มน้ำให้เกิดประโยชน์กับร่างกายมากที่สุดด้วย

4.ไม่ล้างหน้ารุนแรง ขัดผิวหน้าบ่อยๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิว

เพียงเท่านี้หน้าคุณก็จะหายลอกขาดน้ำ ผิวก็จะกลับมาสมดุลสวยใสไร้สิวอีกครั้งแล้วครับ


ขอบคุณข้อมูลจาก :
รศ.นพ.ป่วน  สุทธิพินิจธรรม
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาควิชาชาตวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

6 comments:

  1. ขอบคุณสำหรับการเขียนบล็อคนี้ของคุณ คุณเขียนและเรียบเรียงได้ดีมาก และข้อมูลนี้เป็นประโยชน์กับฉันมาก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ:)

    ReplyDelete
  2. ถ้าหน้ามันแล้วมาร์คหน้าด้วยไข่ขาวได้ไหมคับ

    ReplyDelete
  3. ถ้าหน้ามันแล้วมาร์คหน้าด้วยไข่ขาวได้ไหมคับ

    ReplyDelete