ซึ่งในอดีตนุชาไม่เคยใช้เพราะช่วงก่อนมรการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว ซึ่งไม่อยากลองผลิตภัณฑ์อะไรมั่วๆ เพราะกลัวผิวแย่กว่าเดิม แต่หลังจากที่ยิงเลเซอร์เสร็จผลที่ได้คือ มีแผลและรอยดำจากสิวเยอะพอสมควร
นุชาจึงได้ตัดสินใจไปซื้อเจ้าตัวลดรอยสิว MEDERMA ที่ร้านขายยาข้างกล่องเขียนราคาอยู๋ที 440 บาท แต่นุชาได้มาในราคา 270 บาท ขนาด 10 กรัม
MEDERMA มีส่วนผสมมีดังนี้คือ
- Cepalin 10% ** เป็นสารกัดหลักได้จากหัวหอมที่ช่วยในเรื่องรอยดำและรอยแดง
- Allantoin 1% สารช่วยทำให้ Cepalin ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการคัน สมานแผล
- Aqua น้ำ
- PEG-200 สารนำละลาย
- Xantham Gum สารให้ความหนืด
- Parfum น้ำหอม
- Methylparaben สารกันเสีย
- Sorbic acid สารกันเสีย
วิธีการใช้ที่นุชาใช้ MEDERMA คือ
ใช้ทาตรงในส่วนที่เป็นแผล และหลุมสิว รอยแดง และรอยดำ ไม่ทาตรงสิวนะครับ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ หากใครจะใช้ควรรักษาสิวให้ดีขึ้นมากก่อน หรือทาเฉพาะแผลเท่านั้นครับ
ผลการทดลองใช้ MEDERMA จากนุชา
หลังจากทดลองใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ผลว่ารอยแดง และ รอยดำจางลง แต่ไม่มีผลต่อหลุมสิว นุชาไม่แพ้ครับ ไม่รู้สึกแสบผิวหรือรู้สึกอะไรเลย แต่กลับชอบกลิ่นน้ำหอมของเจ้าตัวนี้ เพราะมันมันเป็นกลิ่นสมุนไพรหอมแบบแปลกดีครับ
MEDERMA ไม่เหมาะกับใครบ้าง
ผลิตภัณฑ์จะไม่เหมาะกับผู้แพ้น้ำหอม และสารกันเสีย Methylparaben (แต่พบน้อยมาก) เพราะสารกันเสียนี้ไม่มีข้อยืนยันได้ชัดเจนว่าทำให้เกิดสิว และเป็นสารกันเสียชนิดเดียวที่ประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางครับ
ผลการวิจัย MEDERMA
เจล Mederma ได้มีการทดลองวิจัยในการนำมารักษารอยแผลเป็นนูน และคีลอยด์ ในหลายๆ ประเทศ ทำให้บทบาทการรักษาแผลเป็นรอยนูนได้ผลมากขึ้นเมื่อใช้ทารักษาควบคู่กับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ดังนั้นจะยก ตัวอย่างงานวิจัยที่รับรองผล
1. งานวิจัยที่ประเทศโปแลนด์: Chadzynska และ Jabloska แพทย์ผิวหนังชาวโปแลนด์ ได้ทำการศึกษาโดยผลการใช้ Mederma ในแผลคีลอยด์จากแผลไฟใหม้ พบว่า Mederma ให้ผลการรักษาที่ดีอย่างมีนัยสำคัญทำให้คีลอยด์มีขนาดเล็กลงและแบนราบลงในผู้ป่วยมากกว่า 50% ลักษณะแผลเป็นนูนมีความนุ่มมากขึ้น สีของแผลดีขึ้น แต่ก็พบว่ามีอัตราการไม่ได้ผลจากการทายาประมาณ 10%
2. งานวิจัยที่ประเทศเยอรมัน: Maragakis แพทย์ผิวหนังชาวเยอรมัน ได้ทดลองนำมารักษาคนไข้เด็กหลังผ่าตัดช่องอก 65 คน เพื่อป้องกันแผลเป็นพบว่าได้ผลดีมากถึง 52% เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกที่ 32% โดนพบว่ากลุ่มที่ใช้ Mederma มีลักษณะแผลที่ดีกว่าและมีขนาดเล็กกว่ากลุ่มเปรียบเทียบที่ใช้ยาหลอก
3. งานวิจัยที่ประเทศเยอรมัน: Willital แพทย์ผิวหนังชาวเยอรมัน และคณะ ได้ทำการศึกษาแบบเดียวกันกับ Maragakis แต่ให้ทายาเร็วขึ้น คือภายใน 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด พบว่ากลุ่มที่ทาด้วยยา Mederma บาดแผลจะกว้างเพียง 1 มม.(โดยเฉลี่ย) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบที่มีบาดแผลกว้างถึง 4 มม.(โดยเฉลี่ย)
4. งานวิจัยที่ประเทศฟิลิปปินส์ : Prof. Navarro ศัลยแพทย์ตกแต่งชาวฟิลิปินส์ ได้ทดลองทาแผลเป็นนูน คีลอยด์ ในผู้ป่วย 81 คน พบว่าหลังการใช้ทายา 6 เดือน แผลเป็นนูนมีลักษณะดีขึ้น ราบลง สีผิวดีขึ้น ถึง 43 ราย
ข้อบ่งชี้-วิธีใช้-ระยะเวลาในการใช้เจลทา Mederma
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tettsuya&date=23-05-2008&group=7&gblog=4
------------------
ติดตามนุชาที่เพจ : https://www.facebook.com/Diaryhome
คุยกันในไลน์ : http://line.me/ti/p/@mdt6242v
Line : @mdt6242v (มี@ข้างหน้า)
ผลิตภัณฑ์จากนุชา www.oranuchaskin.com
No comments:
Post a Comment