Tuesday, January 28, 2014

ปฏิบัติการทดลองใช้น้ำมันมะพร้าว สำหรับคนเป็นสิว [ห้ามพลาด!]

สวัสดีครับ วันนี้นุชาจะมาเล่าประสบการณ์การรักษาสิว โดยการใช้น้ำมันมะพร้าว ทำเป็นคลีนซิ่งออยล์แทนที่ใช้อยู่นะครับ ซึ่งการทดลองนี้เกิดจากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เข้ามาปรึกษาสิวได้ทดลองใช้บางคนก็บอกว่าดี บางคนก็บอกว่าไม่ดี ซึ่งนุชาก็ได้แต่ดูพี่ๆสนทนากัน และไม่สามารถตอบคำถามใดๆ ได้เลย เพราะไม่เคยทดลองใช้กับตัวเอง ผลการทดลองผ่านมาประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่ไม่ว่างที่จะอัพเดท ซึ่งผิวหน้าตอนนั้นเหมาะกับช่วงเวลาที่ทดลองมากเพราะเพิ่งสิวหายใหม่ๆ เลยต้องประเดิม !!


แต่... วันนี้นุชาได้ทดลองใช้กับตัวเองแล้ว จะนำข้อมูลและผลการทดลองใช้มาแบ่งปัน สำหรับผู้ที่กำลังอยากจะทดลอง หรือ ลังเลว่า จะใช้น้ำมันมะพร้าวทำความสะอาดใบหน้าเพื่อการรักษาสิวนะครับ

น้ำมันมะพร้าวมีส่วนประกอบดังนี้ :

  • กรดไขมันชนิดอิ่มตัว (Saturated fatty acid) 87 %
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsatured fatty acid) 6 %
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fatty acid) 2 %
  • คอเรสเตอรอล ไม่มี

น้ำมัน มะพร้าวมีกรดไขมันชนิดพิเศษ มีจำนวนอะตอมสั้นและขนาดกลางซึ่ง 2 ใน 3 ส่วนเป็นขนาดกลาง 6-12 ตัว (medium-chain fatty acid) ซึ่งเป็นผลดี เพราะขนาดกรดไขมันชนิดนี้ สามารถถูกดูดซึมผ่านเข้ากระบวนการสันดาปในร่างกายเราได้ โดยไม่ต้องใช้ระบบ Carnitine ขนส่ง ทำให้ลดอันตรายต่อเซลล์ไปได้

กรด ไขมันในมะพร้าวนี้ 50 % เป็นกรดลอริค (Lauric acid) ซึ่งเปลี่ยนเป็น monolaurin ในร่างกาย กรดนี้มีผลในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ รา และไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม เช่น เชื้อไวรัสเอดส์ เริม ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น น้ำมันมะพร้าวยังมีกรดคาปริค (capric acid) ประมาณ 7 % ซึ่งช่วยต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้เช่นกัน

Research/ ผลการวิจัย
ผลการตรวจวิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมี และฟิสิกส์ องค์ประกอบน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 
"ภูมิดิน เนเชอรัล โปรดักส์"



{1} กรดคาปริกและโมโนคาปรินในน้ำมันมะพร้าว

            แม้ว่าจะมีอยู่เพียง 6-7 % แต่กรดคาปริก ก็ช่วยเสริมประสิทธิภาพของโมโนลอริน โดยการเปลี่ยนแปลงเป็นสารโมโนคาปริน เมื่อน้ำมันมะพร้าวถูกบริโภคเข้าไปในร่างกาย ซึ่งมีฤทธิ์เช่นเดียวกันกับโมโนลอริน ทั้งนี้ก็เพราะประสิทธิภาพของการทำงานของโมโนลอริน และโมโนคาปรินขึ้นอยู่กับปริมาณที่มีอยู่

            วิตามิน น้ำมันมะพร้าว ที่ผลิตจากมะพร้าวแห้งที่เก็บไว้นาน ๆ จะมีจุลินทรีย์ปนเปื้อน ตลอดจนถูกแสงแดดและความร้อน เมื่อนำไปสกัดน้ำมันมะพร้าวโดยวิธีหีบหรือ การใช้ตัวทำละลาย จึงสูญเสียคุณสมบัติที่ดี โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้มันไม่หืน และเมื่อถูกนำไปผ่านขบวนการทางเคมี RBD คือ การทำให้บริสุทธิ์ การฟอกสี และกำจัดกลิ่น ก่อนที่จะนำไปบริโภคจะสูญเสียวิตมินอีไป แต่ก็ยังคงเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ ตราบใดที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีโดยขบวนการเติมไฮโดรเจน โดยการเติมสารกันเสีย เพื่อรักษาสภาพให้คงทนและไม่หืน แต่น้ำมันมะพร้าวพรหมจรรย์ ซึ่งสกัดได้โดยวิธีหมัก หรือวิธีบีบเย็นไม่ใช้อุณหภูมิสูง และไม่ผ่านขบวนการทางเคมี จะยังคงมีวิตามินอีดังต่อไปนี้

            ต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอี ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านการเติมออกซิเจน โดยการป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกเติมออกซิเจน ได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เริ่มสกัด ตลอดจนระหว่างการขนส่ง การวางจำหน่าย และการเก็บรักษาก่อนบริโภค จึงเกิดเป็นอนุมูลอิสระได้ง่ายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะไปลบล้างประสิทธิภาพ ที่มีอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่มีเกิดผลเสียแก่เซลล์และเนื้อเยื่อ เนื่องจากอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่เปลี่ยนสภาพโดยสูญเสียอีเล็กตรอน ในวงแหวนรอบนอก กลายเป็น โมเลกุลเกเร เที่ยวไปขโมยอีเล็กตรอนจากโมเลกุลที่อยู่ใกล้เคียง และโมเลกุลที่สูญเสียอีเล็กตรอนไปก็จะไปขโมยอีเล็กตรอนจากโมเลกุลข้างเคียงอื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เป็นผลทำให้เซลล์วิปริตไป เช่น เกิดการกลายพันธ์ ฯลฯ ทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อม เช่นโรคมะเร็วหัวใจ มะเร็ง ไขข้ออักเสบ เบาหวาน โรคภูมิแพ้ ชราภาพก่อนวัย ฯลฯ
           ประกอบด้วยสารโทโคไทรอีนอลที่มีอานุภาพสูง วิตามินอีในน้ำมันมะพร้าว มีสารโทโคไทรอีนอล ซึ่งเป็นรูปของวิตามินอีที่มีคุณภาพสูงกว่าสารโทโคเฟอรอลซึ่งอยู่นวิตามินอีทั่วไป โดยเฉพาะที่มีอยู่ในเครื่องสำอางรักษาผิวถึง 40-50 เท่า ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภา


ยกตัวอย่างบทความทางวิชาการมาซะยาว เพราะว่าอยากให้ทุกๆ ท่านที่กำลังอ่านทราบข้อเท็จจริงกันก่อนใช้น้ำมันมะพร้าว 


มาสรุปผลการทดลองใช้ของนุชา 
ระยะเวลาทดลอง 2 วัน นะครับ 
วิธีการใช้น้ำมันมะพร้าวของนุชา : จะใช้น้ำมะพร้าวปริมาณ 1 ช้อนช้า ชโลมทั่วหน้า ก่อนล้างหน้า เช้า - เย็น และเช็ดออกด้วยสำลี แล้วล้างหน้าตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ 

ความรู้สึก เวลาเช็ดทำความสะอาดด้วยสำลี ผิวหน้ายังคงไม่รู้สึกไม่สะอาด เพราะยังมีน้ำมันตกค้างบนผิวอยู่ แม้จะเช็ดออกด้วยสำลี 3 - 4 ครั้ง ก็ตาม 

อันนี้ภาพก่อนใช้เลยจร้า


สภาพผิวหน้า : ก่อนใช้น้ำมันมะพร้าว หน้าหายจากสิวแล้วประมาณ 80 % ยังคงมีรอยแดง และสิวอุดตันบางส่วน สภาพผิวค่อนข้างมัน และมีหลุมสิวเยอะมาก ณ ุจุดนี้ 

อันนี้ภาพหลังใช้หลังใช้ 2 วัน

สภาพผิวหน้า : ตามคาดอันนี้เพียง 2 วันเท่านั้นนะครับ เกิดการอุดตันเป็นสิวผดเม็ดเล็กๆ ขึ้นพรึมเลย ที่วงกลมในภาพเกิดการอักเสบแล้วนะครับ นุชาลองใช้เจลแต้มสิวคลินดาเอ็มแต้มแล้วไม่ยุบเลย ต้องใช้เข็มเจาะหัวหนองออกจึงจะหาย จึงบาย การใ้ช้น้ำมันมะพร้าวสำหรับการทดลองครั้งนี้ ส่วนตัวสรุปได้ว่า คนเป็นสิวไม่เหมาะกับการใช้น้ำมันมะพร้าวเอามาทาหน้าทุกกรณีเพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนครับ และทำความสะอาดได้อยากมาก แนะนำให้ใช้คลินซิ่งมิ้ล หรือ คลินซิ่งเวอเทอร์แทนจะดีกว่าครับ

เกร็ดฯการใช้คลีนซิ่งออยล์ จากหมอผิวหนัง
{2}พญ.ทวีรัตนา บุตรสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง แห่งโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ความว่า
ห้ามเด็ดขาด
       
       - สาวผิวมัน
       
       "โดยส่วนตัวหมอคิดว่า คลีนซิ่งออยล์ไม่เหมาะอย่างมาก กับคนผิวมัน"
       
       เหตุเพราะคลีนซิ่งออยล์ คือ น้ำมัน เพราะฉะนั้นหากเราใช้ในคนที่หน้ามันๆ ต่อมไขมันทำงานมาก เมื่อล้างน้ำมันส่วนที่เราใช้นี้ไม่หมดจะเกิดการอุดตัน" คุณหมอเตือนคนผิวมัน
       
       - สาวหน้าช้ำ ระทมสิว
       
       "และหากคนมีสิว ใช้คลีนซิ่งออยล์ล้างหน้า และล้างออกไม่หมดจะทำให้เกิดการอุดตันอย่างมาก"
       
       คุณหมอทวีรัตนา เล่าประสบการณ์ว่า ปัญหาของการอุดตันจนเกิดสิวจากการที่ใช้คลีนซิ่งออยล์ คุณหมอเจอเยอะมากสุด
       
       "หมอเจอคนไข้ที่สิวเห่อเพราะคลีนซิ่งออยล์เยอะมาก เราจะเห็นได้เลยว่าถ้าเป็นสิวอุดตัน จะมีหน้าตาแบบนี้ หมอจะถามเลยว่า คุณใช้อะไรล้างเครื่องสำอาง ทุกคนจะตอบเลยว่า เป็นคลีนซิ่งออยล์ส่วนใหญ่"

       ยิ่งใช้ไปสัก 3-6 เดือน สิวจะมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายเลยแหล่ะ คุณหมอบอก

       "เพราะตัวออยล์จะลงไปอุดตันในรูขุมขนหากเราล้างน้ำออกไม่หมด ออยล์ก็จะไปอุดแทน เพราะไขมันที่ร่างกายสร้างมันออกมาไม่ได้ มันเลยอุดตันผิว"
       

ข้อดี ต้องให้ดาว
       
       - คลีนซิ่งออยล์ล้างเมกอัพเกลี้ยงจริง!
       
       เมื่อออยล์ปะทะออยล์ เมกอัพติดทนที่ว่าแน่ยังต้องกระเจิง
       
       คุณหมอกูรูผิว ยืนยันข้อดีของคลีนซิ่งออยล์
       
       “คลีนซิ่งออยล์ล้างเมกอัพออกได้ง่าย เพราะคือ ออยล์ เมคอัพส่วนใหญ่มีส่วนผสมของออยล์ ดังนั้นออยล์มาเจอออยล์ทำให้จะล้างเครื่องสำอางออกได้ง่ายขึ้น
       
       แต่การที่เราใช้แค่คลีนซิ่งเจล หรือคลีนซิ่งโฟม ก็พอแล้วน่ะ สำหรับคนที่ไม่แต่งหน้า เพราะพวกนี้ก็เป็นตัวทำละลายไขมัน ถ้าเราใจเย็นๆ ล้างก็ออกเหมือนกัน"
       
       ตามด้วยคลีนเซอร์ ชัวร์ป้าบ
       
       ลบเมกอัพด้วยคลีนซิ่งออยล์ พร้อมตบท้ายด้วยโฟม เจล สบู่ ฯลฯ
       
       "หากอย่างไรก็ตาม ต้องการใช้คลีนซิ่งออยล์เพื่อลบเครื่องสำอาง ฉะนั้นหมอขอแนะนำให้ ใช้คลีนซิ่งออยล์เสร็จ แน่นอนหน้าต้องเหนียวหนืด เราจึงต้องล้างอีกรอบ ด้วยเจล หรือสบู่ โฟม ล้างเอาออยล์ออกให้เกลี้ยงเกลาจริงๆ เพื่อไม่ให้ทิ้งความหนืด หรือการอุดตันไว้อันเป็นบ่อเกิดแห่งสิวค่ะ"
       
       แต่...อย่าล้างหน้าหลายรอบมากจนฝืด ถูดังเอี๊ยด!
       
       “เวลาล้างหน้าอย่าล้างมากเสียจนหน้าแห้งเกินไปจนฝืด ให้มีน้ำมันบนหน้านิดหน่อยจะดี แต่อย่าให้ถึงขนาดล้างเสียจนหน้าตึงเปรี๊ยะ อ้าปากแล้วหน้าตึง แห้งเป็นขุย แบบนี้ก็ไม่สมควร”
       
       สุดท้าย คุณหมอฝากเตือน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามลักษณะผิวของคุณ แต่ละคนพื้นฐานผิวต่างกัน อย่าเผลอโดนหลอก หรือโดนยัดเยียด เสียดายตังค์โดยใช่เหตุ
       
       “คลีนซิ่งครีม (Cleansing Cream) หรือ คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk) จะเหมาะมากในคนผิวแห้ง แต่ถ้าเป็นคลีนซิ่งเจล(cleansing Gel)หรือโฟม จะใช้ในคนผิวมัน หรือผิวธรรมดา และพวกผิวทีโซน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า เวลาเราไปเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง พนักงานจะเชียร์ให้ซื้อโน้นนี่ ลูกค้าก็จะได้คนละสองอย่าง เช่น คุณต้องใช้คลีนซิ่งครีม ต่อด้วยคลีนซิ่งมิลค์ก่อน หรือคลีนซิ่งออยล์ก่อนคลีนซิ่งเจล ซึ่งมันเป็นการทำความสะอาดซ้ำซ้อนค่ะ เลือกอย่าใดอย่างหนึ่งดีกว่า เพียงพอแล้ว”
        

นุชาหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังอยากจะทดลองรักษาสิวด้วยน้ำมันมะพร้าวไม่มากก็น้อย ผลการทดลองครั้งนี้ทดสอบกับผิวหน้านุชาเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เปรียบเทียบผลการทดลองกับสภาพผิว
อื่นๆ ครับ ขอบคุณครับ

ข้อมูลทางวิชาการอ้างอิงจาก  :
{1}ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา.2548.เอกสารเผยแพร่ TNCEL (Thailand Network for the conversation and enhancement of landdraces of caltivated plants)
http://www.pumedin.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=30194
{2}http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000135401


XO , XO

1 comment:

  1. Sometime few educational blogs become very helpful while getting relevant and new information related to your targeted area. As I found this blog and appreciate the information delivered to my database.ฟิลเลอร์

    ReplyDelete