ซึ่งนุชา ขออธิบายให้เข้าใจกันก่อนนะครับ ว่านุชาหายจากสิว ไม่ได้หายขาด 100% แต่จากอาการสาหัส จนทำให้ใบหน้าดีขึ้นได้เหมือนมนุษย์ปกติครับ สิวมันก็จะมีขึ้นบ้างช่วงที่เรานอนดึก พักผ่อนน้อย เครียดครับ
ทำให้นุชาหลุดพ้น วงจรการรักษาสิวแบบเดิมๆ ที่เคยเชื่อและปฏิบัติมานานนับ 2 ปีแล้วครับ อีกทั้งนี้ยังเป็นวิธีที่ทำให้นุชาเสียเงินน้อยลงมากครับ
แนวการรักษาสิวในแบบของนุชาขอ เรียกว่า Acne Nature Holistic หรือธรรมชาติแบบผสมผสาน แล้วกันครับ เพราะวิธีการรักษาสิวของนุชา ต้องมีปัจจัยภายนอกจะเป็นยาที่ต้องใช้ทา และ การรักษาจากภายใน ซึ่งนุชาให้ เปอร์เซ็นของความสำคัญของการรักษาสิว จากภายใน 50% และ การรักษาสิวจากภายนอก 50% นะครับ ทั้งสองทำให้เกิดผลสำเร็จครับ
สิ่งที่นุชาอยากจะ กับบอกทุกคนที่ กำลังจะรักษาสิวด้วยตนเอง หรือ ปฏิบัติตามคำแนะนำของนุชา เพื่อการรักษาสิวให้ดีขึ้นจนหาย การรักษาสิวแนวนี้จะไม่แนะนำให้ ทานยารักษาสิวประเภท โรแอคคิวเทน เอคโนติน หรือ พวกกรดวิตามมินเอทั้งหลาย ยาแก้อักเสบ ครับ ซึ่งยาพวกนี้ จากประสบการณ์ของคนใกล้ตัว มี 100 คน หายจากสิวจากการทานยานี้เพียง 1-2 คนเท่านั้น นอกนั้น สิวกลับมาเป็นใหม่จึงค่อนข้างแอนตี้ครับ
ดังนั้นหากใครสนใจและอยากรักษาสิวตามแนวทางนี้ สิ่งที่นุชาอยากจะบอกมีดังนี้
1. ระยะเวลาของการหายของสิว เร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับตัวผู้รักษาเองครับ บางคนเป็นน้อยหายไว ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือนผิวก็กลับมาเป็นปกติ บางคนเป็นมากขึ้นแทบทุกรูขุมขนการรักษาก็เป็นไปตามลำดับครับ บางคนต้องใช้ระยะเวลา 1 ปี เลยก็มีครับ
2. มองสิวอย่างเข้าใจ ว่าเป็นสิวต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา บางคนเป็นมานานสองสามปี ใจร้อนอยากหายภายใน 7 วัน เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ ถ้าจะดีขึ้นได้ก็ต้องพึ่งสารอันตรายแล้ว การรักษาสิวมีเหตุมีผลของมัน และอาศัยระยะเวลา และความใจเย็นเป็นสำคัญครับ "กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว" การรักษาสิวก็เช่นเดียวกันครับ
3. การรักษาสิวตามแนวทางของนุชา ต้องรักษาสุขภาพจากภายในให้ดีด้วย ดีในที่นี่หมายถึงให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ดูแลสุขภาพของตนเองอย่างถูกวิธี ดื่มน้ำ พักผ่อน ออกกำลังกาย มีอารมณ์ จิตใจที่แจ่มใสอยู่เสมอ เรื่องที่นุชาให้ความสำคัญและค่อนข้างใสใจมากที่สุดก็คือการมีระบบขับถ่ายที่ดีต้องขับถ่ายให้ได้ทุกวันครับ
4. ยอมรับผลการรักษาสิวด้วยตัวคุณเอง พยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของการรักษาสิว และสุขภาพของตัวเองใหม่ สังเกตุถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวด้วยตนเอง คุณเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าสิวที่คุณเป็น เกิดมาจากอะไร เพราะหมอที่ดีที่สุดคือตัวของคุณเอง นุชาเป็นเพียงคนให้คำแนะนำเท่านั้นเองครับ
นุชาได้ทดลองปฏิบัติด้วยตนเองนะครับ แล้วพบว่า ไม่ว่านุชาจะเป็นสิวอะไรก็ตามหากรักษาสิว จากการปรับพื้นฐานภายในร่างกายให้ดี มีสุขภาพที่ดี และ ดูแลผิวจากภายนอกให้ถูกต้องตามอาการ สิวของนุชาที่เป็น แต่บทความนี้จะเขียนเกี่ยวกับการรักษาสิวจากภายในก่อนนะครับ เพราะมีผลต่อการรักษาสิวที่หลายๆ คนเป็นกันมากๆ ไว้บทความหน้าจะเป็นการรักษาสิวจากภายนอกและ การคัดเลือกการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาสิวนะครับ
มาเริ่มกันดีกว่านะครับว่านุชามีวิธีการรักษาสิิวด้วยตนเองอย่างไรครับ
นุชาวิธีการรักษาสิว มีขั้นตอนดังนี้นะครับ
1.การรักษาสิวจากภายใน ประกอบด้วยรายละเอียดที่จะพูดถึงมี ดังนี้นะครับ
1.1 การทานอาหาร
1.2 การขับถ่าย
1.3 การออกกำลังกาย
1.4 การดื่มน้ำ
1.5 การนอน
1.6 อารมณ์
1.7 แนะนำก่อนการปฏิบัติจริง
1.1 การทานอาหาร
การทานอาหาร เป็นสิ่งแรกที่นุชาให้ความสำคัญมากๆ สำหรับการรักษาสิวจากภายในให้หายได้ครับ เพราะว่าอาหารล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ที่อาจะเป็นตัวแปรที่ทำให้ ฮอร์โมนในร่างกายของเรา รวมถึงระบบเมตาบอลิซึ่มของเราแปรปรวนได้ครับ นุชาให้ความเชื่อมั่นและพิสูจน์ได้ด้วยตนเองครับว่า เมื่อเรากินอาหารอย่างไร สุขภาพกาย และสุขภาพผิวของเราก็จะออกมาเป็นในแบบนั้นๆ ครับ
" You are what you eat"
หลักการเลือกอาหารสำหรับนุชาก็คือ :
1.ทานอาหารโดยคำนึงถึงสารอาหารว่าครบ 5 หมู่หรือไม่ ห้ามงด ห้ามอด ครับ
2.หลีกเลี่ยงขนมหวาน มีน้ำตาลปริมาณสูง
3.หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ แต่สามารถทานอาหารที่ใช้ทอดได้กรณีใช้น้ำมัน มะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน มาใช้แทนในการใช้น้ำมันปล์ามในการประกอบอาหารครับ
4. เน้นการทานอาหารทีี่สดใหม่ ไม่ค่อยผ่านการแปรรูปหรือทานอาหารที่ทำเอง เช่น ผักสด เมนูสลัด น้ำผักปั่น ต้มจืด ยำต่างๆ หลีกเลี่ยงอาหารการแปรรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก อาหารกล่อง
5. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มี ผงชูรส
6. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่หมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง ปูดอง
7. หลีกเลี่ยงการทานน้ำดื่มชาขวด น้ำอัดลม
8. ทานอาหารให้ตรงเวลา ครบทุกมื้อ ห้ามอดครับ
9. ทานผักผลไม้เยอะ เพิ่มการทานผักผลไม้ที่มีกากใยมากๆ จะเป็นผลดีต่อการขับถ่ายครับ
10. ทานอาหารให้ตรงเวลา
วิธีการหนึ่งที่นุชาได้ทำการศึกษาและทดลองปฏิบัติในการทานอาหารที่เน้นการทานฤทธิ์ เย็น โดย แพทย์แผนไทย ได้ให้นิยามถึงสาเหตุของ การเกิดสิว ฝ้า หรือ ตุ่มคัน ปัญหาทางผิวหนังเกิดจากที่ ร่างกายมีภาวะร้อน มากเกินไปครับ ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิด ภาวะร้อนในก็คือ การทานอาหาร ที่มีรสเผ็ดจัดจ้าน มีรสหวาน ผ่านการแปรรูปหลายขั้นตอน ผ่านการผรุงรสที่เข้มข้น และยังรวมไปถึง การพักผ่อนไม่เพียงพออีกด้วยครับ
ซึ่งวิธีการของนุชาเอง เมื่อทราบแล้วว่าสิวอาจจะเกิดการ ภาวะร้อนในก็เป็นได้ จึงพยายามงด ของที่เขาห้าม หรือเป็นสาเหตุปัจจัยที่อาจจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะร้อนในได้ครับ ช่วงแรกๆ ก็ได้ผลดีนะครับ สิวยุบหมด แต่ผ่านไปนานๆ มันเกิดอาหารไม่สมดุลครับ คือเราเน้นหนักไม่ทานอาหารฤทธิ์ร้อนเลยไงครับ ร่างกายก็เกิดเอฟเฟค เกิดอาการไอ ผิวซีด ไม่สดใสครับ นุชาเลยกลับมาทานอาหารปกติ แต่ควบคุมให้สมดุลดีกว่าครับ และอีกอย่างที่อยากจะบอกว่าสิวไม่ได้เกิดจากภาวะร้อนเกินเสมอไปครับ อาจจะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนที่ทำงานมากเกินกว่าปกติ สาเหตุของสุขภาพ หรือ การใช้ผลิตภัณฑ์จากภายนอกก็ได้เช่นกันนะครับ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น ภาวะร้อนเกิน หรือ เย็นเกิน ดูได้ที่นี่นะครับ
คนที่มีภาวะร้อนเกินจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ผิวหนังเป็นผื่น เป็นตุ่มแดง มีสิว หรือมีตุ่มคันใสๆขึ้นตามร่างกาย
- ชอบร้อนใน เป็นแผลในปาก เหงือกอักเสบ
- มีอาการท้องผูก ถ่ายเป็นก้อนแข็งเป็นประจำ
- ชอบร้อนตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะตามข้อต่อ
- ปัสสาวะน้อย แต่บ่อย ปัสสาวะมีสีเข้ม แสบขัดเวลาปัสสาวะ
- ผิวหนังปกติจะเหมือนผิวไหม้ น้ำเหลืองไม่ดี เป็นฝีหนอง
- ชอบร้อนท้อง ท้องอืด และแสบท้องเป็นประจำ
- เลือดกำเดาออกเป็นประจำ
- ชอบนอนกรน ปากแห้ง แตก เป็นขรุย คอแห้งกระหายน้ำตลอดเวลา
- กล้ามเนื้อเกร็งค้าง ชอบเป็นตะคริวบ่อยๆ
- ตาแดง แห้ง แสบ มัว ขอบตาคล้ำ
- เป็นโรคเริม งูสวัด สะเก็ดเงิน
- มีกระสีน้ำตาล หรือสีดำตามร่างกาย
- ผมมีรังแค ผมร่วงหรือหงอกก่อนวัยอันควร
- ถ้าเป็นผู้หญิงรอบเดือนมักมาไม่ปกติ มาเร็วก่อนกำหนด
- อารมณ์ร้อน อารมณ์เสีย หงุดหงิดง่าย
คนที่มีภาวะเย็นเกินไปจะมีอาการดังต่อไปนี้
- มือเท้าเย็น ซีด บวม
- ทำอะไรเชื่องช้า เฉื่อยชา คิดช้า ไม่ค่อยมีแรง
- สีปัสสาวะใส และมีปริมาณปัสสาวะมากต่อการปัสสาวะหนึ่งครั้ง
- หน้าซีด ปากซีด
- ตาจะแฉะ เวลาตื่นนอนมาขี้ตาจะเยอะมาก
- อุจจาระมักเหลว และมีสีอ่อน ชอบท้องเสียหรือถ่ายท้องบ่อยๆ
- ผิวตกกระสีขาว
- หน้าบวมตึง แต่ไม่รู้สึกร้อนหน้า
- ชอบเจ็บอกด้านขวา
- ขี้หนาว ไม่ชอบพัดลมหรือแอร์เย็นๆ
- มีภาวะโลหิตจาง
- ถ้าเป็นผู้หญิง จะมีอาการตกขาวมาก ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ และมีประจำเดือนเป็นก้อน
Cr. http://www.morkeaw.net หมอเขียว
ง๊ายง่าย แค่นี้เองครับ ทำได้อยู่แล้วครับ ^^
นุชาขอแนะนำบทความที่นุชาเคยเขียนไว้นะครับ จะเป็นประโยชน์มากๆ หากศึกษาและลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ
- อาหารมื้อเช้ากับการรักษาสิว
: http://happyacne2you.blogspot.com/2014/05/blog-post.html
- อาหารโซเดียมสูงทำให้เกิดสิว
: http://happyacne2you.blogspot.com/2014/03/blog-post.html
- ประสบการณ์ ตรวจภูมิแพ้อาหารแอบแฝง สาเหตุของการเกิดสิว
: http://happyacne2you.blogspot.com/2014/06/blog-post_10.html
- อาหารเกี่ยวกับสิวไหม? [แนวคิดการป้องกันสิวเกี่ยวกับคุณภาพของเลือด]
: http://happyacne2you.blogspot.com/2014/03/blog-post_18.html
การขับถ่าย นุชาเคยเขียนไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ว่ามีความสำคัญ และอาจจะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับ เพราะหากเราขับถ่ายไม่เป็นเวลา สะสมไว้หลายๆ วันแล้วค่อยมาถ่ายที จะทำให้เลือดของเราไม่สะอาด เกิดการสะสมและการหมุนเวียนของสารพิษในร่างกาย (TOXIN)
เล่าประสบการณ์ของนุชา ซะหน่อย....
นุชาเป็นคนหนึ่งที่ระบบขับถ่ายไม่ดีตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำจะนั่งนานมากกว่าจะออก และตอนเด็กๆ จะมีนิสัยไม่ชอบทานผักจะทานเนื้อสัตว์เยอะมากและที่เชียงรายที่บ้านจะทานข้าวเหนียวด้วย จึงทำให้ระบบขับถ่ายของนุชาตั้งแต่ยังเด็กแย่มาก ณ ตอนนั้นเป็นเด็กก็จะถ่าย 2-3 วัน ถึงจะถ่าย 1 ครั้ง พอมารู้ข้อมูลตอนนี้ถือว่าอันตรายมากเลยไม่น่าผิวพรรณเมื่อตอนเด็กทำไมไม่สดใส ดำคล้ำ โทรมมาก....
ก้าวผ่านเวลาจนอายุ 18-19 ปี นุชาเริ่มเป็นสิวที่หน้าแบบเริ่มมา จนเยอะมาก ประกอบกับรักษาตัวเองด้วยธรรมชาติด้วยมั้งครับและเริ่มปรับระบบขับถ่ายของตัวเองตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ช่วงแรกนุชาจะเริ่มทำตามสูตร การทานน้ำอุ่นผสมมะนาว และ ทดลองทานน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ จนกระทั้งท้ายที่สุดมาทานสมุนไพรเพื่อปรับลำไส้ครับ ซึ่งตอนนี้ก็ทำมาเรื่อยๆ ผ่านมา 1 - 2 ปี ผิวพรรณลำตัวต่างจากแต่ก่อนมาก ผิวพรรณสดใสแม้กระทั่งเป็นสิวอยู่ก็รู้ว่าผิวขาวสว่างในระดับนึงครับ แต่ถ้าวันไหนที่ไม่ขับถ่ายเลย สิวอักเสบก็จะขึ้นเลยครับ จึงทำให้ต้องปรับระบบขับถ่ายของตัวเองทุกวัน ต้องออกทุกวันครับ
ลองมาดูกันว่าสุขภาพของตัวเองดีหรือไม่ ดูภาพได้เลยน่ารักมาก (จะถ่ายของตัวเองมาให้ดูก็กะไร อิอิ)
สาเหตุที่ทำให้อึไม่ออก
จากที่นุชาได้ประสบปัญหากับตัวเองนั้น ขอยกตัวอย่างดังนี้
- นอนดึกเกินไป สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ลำไส้ของเราทำงานไม่เต็มที่ไม่สามารถลำเลียงย่อยสลายของเสียที่ตกค้างในลำไส้เล็ได้ทัน เมื่อเรานอนดึกทุกวันจะสังเกตได้ว่าขับถ่ายไม่ออก หรือ กว่าจะออกก็เที่ยงกว่าๆ ไปแล้ว
- เครียด บางทีการที่เราเครียดก็ทำให้อึไม่ออกได้เช่นเีดียวกัน
- ดื่มน้ำน้อย ทำให้ลำไส้ไม่สามารถขับเคลื่อนของเสียออกมาได้อย่างเต็มที่
- ทานอาหารน้อย ไม่ตรงเวลา อย่าหวังที่จะให้อึเป็นเวลาเลยนะครับ
- ไม่อยากอึ เหตุผลของหลายๆ คนรวมทั้งนุชาเป็นบ่อยมาก เช่น เวลาไปเข้าค่าย นุชาปวดอึจะเก็บและอั้นเอาไว้ได้ถึง 2 -3 วัน เลยทีเดียว
ทราบหรือไม่ ว่าช่วงเวลา 7.00- 9.00 เวลาการทำงานของลำไส้ใหญ่ที่จะต้องขับถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย หากเกินเวลานี้ ลำไส้ใหญ่จะบีบตัวกลับไปยังลำไส้เล็กอีกครั้งและเข้าไปสู้กระเพราะเพื่อย่อยสลายอีกครั้ง คิดตามภาพว่าของเน่าเสียที่สะสมหลายวันจะเหม็นขนาดไหน ร่างกายก็จะดูดซึม ก๊าซพิษ สารพิษเข้าไปในกระแสเลือดและสมอง ทดแทนออกซิเจน
เมื่อเลือดของเราไม่สะอาดแน่นอนละว่า เลือดนั้นจะไปหล่อเลี้ยงลำเลียงสารพิษเข้าสู่อวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ไต ปอด ผิวหนัง จึงไม่แปลกใจที่ว่าคนเป็นสิวเรื้อรัง ผิวพรรณไม่สดใส สิวไม่หายขาดส่วนมากจะระบบขับถ่ายไม่ดีครับ
วิธีแก้ไขและทำให้ระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติ
เมื่อเลือดของเราไม่สะอาดแน่นอนละว่า เลือดนั้นจะไปหล่อเลี้ยงลำเลียงสารพิษเข้าสู่อวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ไต ปอด ผิวหนัง จึงไม่แปลกใจที่ว่าคนเป็นสิวเรื้อรัง ผิวพรรณไม่สดใส สิวไม่หายขาดส่วนมากจะระบบขับถ่ายไม่ดีครับ
วิธีแก้ไขและทำให้ระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติ
- ปรับการนอนให้ได้ แนะนำให้นอนก่อน 5 ทุ่ม เพราะจะทำให้สามารถตื่นมาได้ในเวลา 6.00-7.00 โดยไม่เพลียและสามารถขับถ่ายได้ครับ
- .แนะนำการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว ตามด้วยน้ำเปล่า 1 แก้ว หลังตื่นนอน จะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ถ่ายออกง่ายขึ้น
- ทานอาหารที่มีกากใย และผลไม้ทุกมื้ออาหารจะช่วยทำให้ลำไส้สามารถขับเคลื่อนของเสียออกมาได้ดียิ่งขึ้น
- ถ่ายยากมากทำทุกทางไม่ดีขึ้น แนะนำการทานโยเกริตเพื่อเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ที่ดีให้กำลำไส้ และการทานสมุนไพรเพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เช่น มะขามแขก มะขาม ขมิ้นชัน เป็นต้น
1.3 การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย หลายๆ คนที่เข้ามาอ่าน คงจะทราบดีอยู่แล้วว่า จะทำให้ร่างกายของเราสุขภาพดี แต่สำหรับคนที่เป็นสิวยิ่งดีใหญ่เลย แต่รูปแบบของการออกกำลังกาย ของแต่ละคนอาจจะเหมาะกับสภาพผิวที่เป็นอยู่ด้วย เช่น หากมีสิวมากๆ สิวระเบิดบูดเต็มหน้า หากออกกกำลังกายที่ทำให้เกิด การขับเหงื่อยออกมาในปริมาณมากๆ อาจไม่ดีแน่ เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ และเกิดการระคายเคืองจากเหงื่อยได้ หรือในบางคนอาจมีอาการแพ้เหงื่อยอยู่ก่อนแล้วก็คงจะไม่เหมาะ
นุชาจึงแนะนำการออกำลังกายสำหรับคนเป็นสิว ไว้ดังนี้นะครับ
1. มีสิวมากๆ เยอะเต็มหน้า แพ้เหงื่อย การออกกำลังกาย ในรูปแบบ โยคะ รำ แกว่งแขน หรือ กีฬาที่ไม่ต้องใช้กำลังมากๆ ที่อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียเหงื่อยมากครับ ออกกำลังกายแบบพอดี พอให้ระบบไหลเวียนของเลือดไหวเวียนอย่างดี ก็เพียงพอแล้วครับ
2. สิวใกล้จะหาย หรือ เหลือแต่รอยสิว สามารถออกกำลังกายได้ตามรูปแบบที่ตัวเองต้องการได้เลยครับ
ในแบบของนุชาแล้ว นุชาชอบออกกำลังกายเบาๆ ครับ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบออกกำลังการเลยก็ ว่าได้เลยครับ เมื่อก่อนมากสุดก็ การเกว่งแขนครับ และตอนนี้ที่เพิ่งทำและได้ผลดีมากๆ ทำให้ร่างกายสดชื่น กระชับขึ้นก็ ลองทำตามโปรแกรมการออกกำลังกาย T25 ของ Shaun T (ชอน ที) เทรนเนอร์ดัง ผู้เป็นเจ้าของโปรแกรมออกกำลังกายแบบอินแซนนิตี (Insanity) หรือการออกกำลังกายแบบเต้นไปเต้นมา ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเยอะๆ
สิ่งที่ต้องเตรียมคือ พื้นที่ในการออกเล็กน้อย เเละรองเท้าผ้าใบเเบบถูกกิจลักษณะ ซึ่งออกกำลังกายเพียง 25 นาที ให้ประสิทธิผลไม่ต่างจากการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงเต็ม คือดีมากอะ เสียเหงื่อยมาก เล่นแรกๆ นี่ร่างแทบแหลก เหนื่อยมากครับ อาจจะเหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพ อยากหุ่นดีแบบมีสุขภาพ และเหมาะกับผู้ที่มีสิวใกล้หายนะครับ เพราะเสียเหงื่อยเป็นลิตรๆ แน่นอน !
1.4 การดื่มน้ำ
การดื่มน้ำเป็นสิ่งที่นุชา ให้ความสำคัญมาก ไม่แพ้อย่างอื่นที่กล่าวมาเลยครับ เพราะช่วยทำให้ร่างกาย และเลือดหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเรานั้นทำงานได้ดีอย่างมีประสิทธิ์ภาพ อีกทั้งการดื่มน้ำยังมีผลต่อระบบการกำจัดของเสียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเหงื่อย การปัสสวะ การอุจจระ เห็นไหมละครับว่า การดื่มน้ำนั่้นสำคัญมากๆ เลย หากร่างกายขาดน้ำก็จะทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างด้อยประสิทธิภาพนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้น้ำที่ดื่มไม่ใช่น้ำหวาน น้ำอัดลมครับ อันนั้นไม่รวมว่าเป็นการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพของเราในแต่ละวันครับ
การดื่มน้ำให้ถูกวิธี นุชาทำตามวิธีการของหมอแดง http://thearokaya.co.th
การคำนวณการดื่มน้ำให้เพียงพอกับน้ำหนักตัว
(น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม x 2.2) ÷ 2) x 30 = ……..….… cc.
โดย 1,000 cc. = 1 ลิตร
น้ำ 1 ลิตร = 5 แก้ว
ตัวอย่าง ถ้าท่านหนัก 50 กิโลกรัม
((50 x 2.2) ÷ 2) x 30 = 1,650 cc. = 1.65 ลิตร
โดยเฉลี่ยแล้วน้ำ 1 แก้ว = 200 cc. โดยประมาณ 1.65 ลิตร = น้ำ 8 แก้ว โดยประมาณ
ดังนั้นผู้ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ควรทานน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว
การดื่มน้ำให้ถูกวิธีนอกจากการ ดื่มน้ำตามการคำนวณปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันแล้ว นุชาแนะนำ
วิธีหรือข้อแนะนำดังนี้นะครับ
1. การดื่มน้ำ ไม่ควรดื่ม 1 แก้วให้หมดทีเดียว แต่ควรทานแบบค่อยๆ จิบ ไปตลอดวัน หรืออยากมากก็ให้ทานแค่ ครึ่งแก้วก็เพียงพอครับ และดื่มบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายนำ น้ำ ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
2. ไม่ควรดื่มน้ำก่อนทานอาหาร หรือ ทานน้ำระหว่างการรับประทานอาหาร เพราะจะไปดับไฟย่อย หรือ น้ำย่อย จะทำเกิดอาหารท้องอืด หรือระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดีได้ครับ
3. ดื่มน้ำหลังตื่นนอนทันทีเป็นการดื่มน่้ำที่ดี นุชาจะดื่มทุกวันหลังตื่นนนอนตอนเช้า 2 แก้ว ทีนที สังเกตว่า การดื่มน้ำตอนเช้าจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายของเราทำงานได้ดีขึ้นด้วยครับ (ถ่ายง่าย) อีกทั้งเป็น หากใครสะดวกอาจจะ บีบมะนาวใส่ซัก 1ลูกการล้างสารพิษในลำไส้ ในตอนเช้าด้วยนะครับ
1.5 การนอน
1. นอนช่วง 3 - 4 ทุ่ม หลายคนคงอาจจะเคยได้ยิน นักธรรมชาติบำบัด หรือ กูรูด้านสุขภาพ มามบ้างแล้วว่าการนอนช่วงเวลานี้ทำให้เราสุขภาพดี ส่วนมากจะแนะนำนอนช่วง 4 ทุ่ม และไม่ เกิน 5 ทุ่ม เหตุผลที่ว่าต้องนอนก่อน 5 ทุ่ม
ก็คือ 5 ทุ่ม - ตี 1 ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตับกำลังทำงาน ในการขับสารพิษนั่นเองครับ หากเรานอนดึกกว่านี้ การทำงานของตับจะทำงานได้เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้ตับทำงานหนักได้ และระบบการขับสารพิษในร่างกายทำงานไม่เต็มที่ ส่งผลทำให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกาย และท้ายที่สุดอาจจะทำให้เกิดสิวได้ในที่สุดครับ
และจากการศึกษาหนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต เขียนโดย Dr.Tom Wu ดร.ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา ตีพิมเมื่อ พ.ศ. 2555 กล่าวว่า " ช่วงเวลา สองทุ่ม ถึง ตีสี่ เป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและแจกจ่ายสารอาหาร" ซึ่งสอดคล้องกับที่นุชาได้ศึกษาและเข้าใจมา
จากสองทุ่มถึงตีสี่ ตับที่ซึ่งผ่านการดูดซึมและสะสมสารอาหารไว้ จะเริ่มทำการแจกจ่ายสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ พร้อมกับส่งมอบพลังงานให้แก่อวัยวะต่างๆ ทดแทนส่วนที่ใช้ไปแล้วในหนึ่งวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสองเป็นเวลาที่ระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองทำงาน หรือ เป็นช่วงเวลาทอง ของการนอนหลับ ทั้งยังเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเมลาโทนนิน (ฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์) จะควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองได้ดีที่สุด
2. ไม่ทานมื้อหนักในตอนดึก
ในช่วงเวลานี้แน่นอนครับว่า เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อน กระเพราะของเราจะไม่สามารถคัดหลั่งน้ำกรด และลำไส้จะไม่สามารถดูดซึมและย่อยอาหารได้หมด หากเราทานมื้อหนักในช่วงเวลานี้ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ จะมีของเสียสะสมจนถึงตอนเช้า และ เข้าสู่วันต่อไป ถึงแม้ว่าเราจะถ่ายของเสียในช่วงเวลาตอนเช้าออกมาแล้ว แต่ของเสียก็จะออกมาไม่หมดครับ (หรือเรียกว่าถ่ายไม่สุด)
3.ควรปิดไฟในห้องขณะนอนหลับ
ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานเพื่อซ่อมแซมและกำจัดเชื้อโรคทั่วร่างหายระหว่างเวลา 4 ทุ่ม ถึง ตีสองทุกวัน ในขณะเดียวกันระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองก็จะชาร์จไฟเติมพลังงานในช่วงเวลานี้เช่นกัน เพื่อจะได้ทำหน้าที่ทำลายข้าศึกและซ่อมแซมบาดแผล
ควรจะนอนหลับในขณะที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง และต้องอยู่ในความมืดที่สมบูรณ์และทำให้ห้องมืิดสนิท อย่างให้มีแสงหว่าง ยกตัวอย่างการปฏิบัติของนุชานะครับ เนื่องจากห้องของนุชา เป็นห้องชุด หมู่บ้านเอื้ออาทร นุชามาพักอาศัยกับพี่สาว ซึ่งในห้องจะมีเพียง 1 ห้องนอน ดังนั้นนุชาจึงออกมานอนข้างนอก และใช้ตู้กันเป็นห้อง เมื่อตกกลางคืน เมื่อปิดไฟ ก็ยังมีไฟหน้าเปิดหน้าตึกไฟที่สอดส่องเข้ามาในหน้าต่างทำให้ไม่มืดสนิท นุชาจึงใช้ที่ปิดตาในการปิดตา เพื่อให้มืดสนิท และทำให้หลับได้ง่ายขึ้นและทำให้เมโทลานินทำงานได้เต็มที่นั่นเองครับ
เคยมีการทดลองในอเมริกาโดยให้ผู้เข้าทดลองนอนหลับระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง แต่เปิดไฟสว่างจ้าไว้ในห้อง จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางการแพทย์พบว่าการทำงานของระบบรักษาตัวเองเกือบเท่ากับศูนย์ ส่วนระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานลดลงถึงจุดต่ำสุด
ด้วยเหตุนี้ หากเราอยากขจัดความอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองไปใช้ทำอย่างอื่นเด็ดขาด หากนอนไม่หลับไม่สนิทในช่วงสี่ทุ่มถึงตีสอง ต่อให้มีเวลานอนยาวนานเพียงไรก็ส่งผลในการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายเพียงเล็กน้อย เซลล์ที่ถูกทำลายจะไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายเพียงเล็กน้อย เซลล์ที่ถูกทำลายจะไม่สามารถฟื้นฟูให้หายขณะืี่ข้าศึก (เชื้อโรค) ที่รุกเข้ามาในร่างกายมีโอกาสฝังตัวอยู่
พูดถึงเมลาโทนิน กันซักหน่อยนะครับ เมลาโทนิน เป็นฮอร์โมนที่หลังออกมาจากไพเนียลบอดี (Pineal Body) สมอง เป็นสมอง เป็นสารที่สกัดได้เป็นครั้งแรกจากไพเนียลบอดีของวัว ในปี ค.ศ 1985 ปัจจุบันพบว่าฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยกระตุ้นการนอนหลับ ปรับจังหวะเวลาของร่างกาย (นาฬิกาชีวิต) เกี่ยวกับกลางวันและกลางคืน ส่งผลต่ออารมณ์ ช่วนต้านออกซิเดชัน กำจัดอนุมูล อิสระ รวมทั้งกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวแบบที และปล่อยไซโทคิน (Cytokines) เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และมีบทบาทในการต้านมะเร็ง
งานวิจัยในประเทศไทย
งานวิจัยในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับสารเมลาโทนินที่ข้าพเจ้าได้ค้นคว้ามา มีดังนี้
ก็คือ 5 ทุ่ม - ตี 1 ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตับกำลังทำงาน ในการขับสารพิษนั่นเองครับ หากเรานอนดึกกว่านี้ การทำงานของตับจะทำงานได้เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้ตับทำงานหนักได้ และระบบการขับสารพิษในร่างกายทำงานไม่เต็มที่ ส่งผลทำให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกาย และท้ายที่สุดอาจจะทำให้เกิดสิวได้ในที่สุดครับ
และจากการศึกษาหนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต เขียนโดย Dr.Tom Wu ดร.ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา ตีพิมเมื่อ พ.ศ. 2555 กล่าวว่า " ช่วงเวลา สองทุ่ม ถึง ตีสี่ เป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและแจกจ่ายสารอาหาร" ซึ่งสอดคล้องกับที่นุชาได้ศึกษาและเข้าใจมา
จากสองทุ่มถึงตีสี่ ตับที่ซึ่งผ่านการดูดซึมและสะสมสารอาหารไว้ จะเริ่มทำการแจกจ่ายสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ พร้อมกับส่งมอบพลังงานให้แก่อวัยวะต่างๆ ทดแทนส่วนที่ใช้ไปแล้วในหนึ่งวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสองเป็นเวลาที่ระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองทำงาน หรือ เป็นช่วงเวลาทอง ของการนอนหลับ ทั้งยังเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเมลาโทนนิน (ฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์) จะควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองได้ดีที่สุด
2. ไม่ทานมื้อหนักในตอนดึก
ในช่วงเวลานี้แน่นอนครับว่า เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อน กระเพราะของเราจะไม่สามารถคัดหลั่งน้ำกรด และลำไส้จะไม่สามารถดูดซึมและย่อยอาหารได้หมด หากเราทานมื้อหนักในช่วงเวลานี้ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ จะมีของเสียสะสมจนถึงตอนเช้า และ เข้าสู่วันต่อไป ถึงแม้ว่าเราจะถ่ายของเสียในช่วงเวลาตอนเช้าออกมาแล้ว แต่ของเสียก็จะออกมาไม่หมดครับ (หรือเรียกว่าถ่ายไม่สุด)
3.ควรปิดไฟในห้องขณะนอนหลับ
ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานเพื่อซ่อมแซมและกำจัดเชื้อโรคทั่วร่างหายระหว่างเวลา 4 ทุ่ม ถึง ตีสองทุกวัน ในขณะเดียวกันระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองก็จะชาร์จไฟเติมพลังงานในช่วงเวลานี้เช่นกัน เพื่อจะได้ทำหน้าที่ทำลายข้าศึกและซ่อมแซมบาดแผล
ควรจะนอนหลับในขณะที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง และต้องอยู่ในความมืดที่สมบูรณ์และทำให้ห้องมืิดสนิท อย่างให้มีแสงหว่าง ยกตัวอย่างการปฏิบัติของนุชานะครับ เนื่องจากห้องของนุชา เป็นห้องชุด หมู่บ้านเอื้ออาทร นุชามาพักอาศัยกับพี่สาว ซึ่งในห้องจะมีเพียง 1 ห้องนอน ดังนั้นนุชาจึงออกมานอนข้างนอก และใช้ตู้กันเป็นห้อง เมื่อตกกลางคืน เมื่อปิดไฟ ก็ยังมีไฟหน้าเปิดหน้าตึกไฟที่สอดส่องเข้ามาในหน้าต่างทำให้ไม่มืดสนิท นุชาจึงใช้ที่ปิดตาในการปิดตา เพื่อให้มืดสนิท และทำให้หลับได้ง่ายขึ้นและทำให้เมโทลานินทำงานได้เต็มที่นั่นเองครับ
เคยมีการทดลองในอเมริกาโดยให้ผู้เข้าทดลองนอนหลับระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง แต่เปิดไฟสว่างจ้าไว้ในห้อง จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางการแพทย์พบว่าการทำงานของระบบรักษาตัวเองเกือบเท่ากับศูนย์ ส่วนระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานลดลงถึงจุดต่ำสุด
ด้วยเหตุนี้ หากเราอยากขจัดความอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองไปใช้ทำอย่างอื่นเด็ดขาด หากนอนไม่หลับไม่สนิทในช่วงสี่ทุ่มถึงตีสอง ต่อให้มีเวลานอนยาวนานเพียงไรก็ส่งผลในการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายเพียงเล็กน้อย เซลล์ที่ถูกทำลายจะไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายเพียงเล็กน้อย เซลล์ที่ถูกทำลายจะไม่สามารถฟื้นฟูให้หายขณะืี่ข้าศึก (เชื้อโรค) ที่รุกเข้ามาในร่างกายมีโอกาสฝังตัวอยู่
พูดถึงเมลาโทนิน กันซักหน่อยนะครับ เมลาโทนิน เป็นฮอร์โมนที่หลังออกมาจากไพเนียลบอดี (Pineal Body) สมอง เป็นสมอง เป็นสารที่สกัดได้เป็นครั้งแรกจากไพเนียลบอดีของวัว ในปี ค.ศ 1985 ปัจจุบันพบว่าฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยกระตุ้นการนอนหลับ ปรับจังหวะเวลาของร่างกาย (นาฬิกาชีวิต) เกี่ยวกับกลางวันและกลางคืน ส่งผลต่ออารมณ์ ช่วนต้านออกซิเดชัน กำจัดอนุมูล อิสระ รวมทั้งกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวแบบที และปล่อยไซโทคิน (Cytokines) เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และมีบทบาทในการต้านมะเร็ง
งานวิจัยในประเทศไทย
งานวิจัยในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับสารเมลาโทนินที่ข้าพเจ้าได้ค้นคว้ามา มีดังนี้
- รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และบริษัท แดรี่โฮม จำกัด ได้ทำการศึกษาและวิจัยน้ำนมพาสเจอไรซ์ที่ผลต่อการนอนหลับ พบว่า การเปลี่ยนวิธีการรีดนมวัวในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงสว่างทำให้ได้สารเมลาโทนินบริสุทธ์ที่มีคุณภาพมาก ช่วยทำให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับ ชะลอชรา และป้องกันความเหี่ยวย่นไขมันต่ำกว่านมทั่วไปถึง 1 ใน 3 เท่าของนมปกติ ขณะนี้ได้ขอจอสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตเรียบร้อยแล้วและอยู่ในระยะขอจดทะเบียนยา (อย.) อีกด้วย
- สารอาหารอีกอย่างหนึ่งที่มีสารเมลาโทนินคือ “น้ำมันจมูกข้าว” จากการศึกษาค้นคว้าวาของนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษพบว่า ฮอร์โมนเมลาโทนินสร้างขึ้นในร่างกายของคนเรา โดยสร้างจากต่อมไพเนียลในสมอง เมลาโทนิน จะสร้างออกมาในช่วงเวลกลางคืน เมื่อคนเราอายุมากขึ้นเมลาโทนินจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุ 50 ปี เมลาโทนินจะมีน้อย
หรือไม่มีเลย - จากการวิจัยในทางการแพทย์ พบว่า เมลาโทนิน มีความสำคัญต่อสุขภาพของคนเราดังนี้ ควบคุมการนอนหลับ ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล ป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน แก้ไขอาการหลงลืม หงุดหงิด เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยผู้ป่วย HIV ได้มาก เสริมการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในคนสูงอายุ ป้องกันและเสริมการรักษาโรคมะเร็ง แก้ไขอาการเจ็ทแล็ก (JIT- - LEG) แก้ไขอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และไม่รู้สึกเครียด ไม่รู้สึกวิตกกังวล สมรรถภาพทางเพศจึงดีขึ้น
- ศาสตราจารย์ นายแพทย์อนันต์ ศรีเกียรติขจร ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาสารเมลาโทนิน พบว่า สารเมลาโทนินสามารถยับยั้งการเพิ่มของการไหลเวียนเลือดที่ผิวสมอง และลดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดจุลภาค นอกจากนี้สารเมลาโตนินยังสามารถยับยั้งการแสดงออกของโปรตีนฟอส และเอนไซม์ไนตริกออกไซด์ซินเทสในกลุ่มเซลล์ไทรเจมมินาล นิวเคลียสคอดาลิส ผลการศึกษานี้บ่งว่าสารเมลาโทนินสามารถยับยั้งผลของปรากฏการณ์คอร์ติคอลสเปรดดิงดิเพรสชันในการกระตุ้นระบบความปวดไทรเจมมินาล และอาจเป็นประโยชน์ในการป้องกันหรือบรรเทาอาการปวดในภาวะปวดศีรษะไมเกรน
1.6 อารมณ์/จิตใจ
เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นตัวแปร สำคัญที่สุดที่จะทำให้การรักษาสิวของเราเอง ประสบผลสำเร็จ หรือ ล้มเหลว เพราะบางคนสิวเยอะอยู่แล้ว อยากสิวหายไวๆ รักษา สามสี่วันไม่ดีขึ้นก็เปลี่ยนยา เปลี่ยนวิธีการรักษาสิว นุชาตอบตรงนี้เลยนะครับ ใครสิวเยอะๆ นะ 3 -7 วัน มันไม่หายหรอก หรือ แทบจะไม่ดีขึ้นเลยด้วยซ้ำเพราะ กว่าจะสังเกตุได้ว่าสิวดีขึ้นบ้าง ก็ใช้ระยะเวลาประ 1 - 2 เดือน ครับ ต้องใจเย็นๆ มากๆ ครับ
หากเป็นสิวเยอะๆ สิ่งสำคัญที่ต้องบอกเลยก็คือ ยอมรับความจริง ว่าเราเป็นสิว เพราะหากเมื่อเรายอมรับความจริงแล้ว เราจะรักตัวเองมากขึ้น ไม่เครียดเวลาใครมาพูดติ เตือน หรือ แนะนำ เราจะคล้อยไหวตามคนอื่นๆ อยากมาก เพราะเรายอมรับว่าเราเป็นสิวนั่นเองครับ
บอกกับตัวเอง และให้กำลังตัวเองให้ฟันฝ่ามรสุมนี้ไปให้ได้ครับ บอกตัวเองว่าเราต้องทำได้ คนอื่นยังทำได้ นุชาทำได้ แล้วคุณทำไมจะทำไม่ได้ครับ "ทำเหตุให้ดี ผลที่ดีก็จะออกมาเองครับ"
นุชาเคยเขียนบทความเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก เป็นการรักษาระดับจิตใจเพื่อให้การรักษาสิวให้เกิด ผลสำเร็จ รวมทั้งการเรียน การใช้ชีวิต ลองเปิดดูได้ที่นี่นะครับ อาจช่วยเป็นแรงบันดาลใดให้กับหลายๆ คนได้ครับ
1.7 แนะนำก่อนการปฏิบัติจริง
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากรักษาสิวจากภายใน ตามคำแนะนำของนุชาดู หากไม่เคยทำตามแนวทางของใครๆ ก็สามารถเริ่มทำได้เลยครับ หรือหากใครทำตามแนวทางของใครอยู่ ก็ให้ทำตามแนวทางนั้นๆ ไปเลยครับ ไม่ต้องเอาหลายๆ แนวทางมาผสมกัน เพราะตัวคุณเองจะ งง หรือาจจะพิจารณาด้วยตนเองว่า คุณเหมาะสมกับอันไหน เงิน งบประมาณ ความรู้ ความน่าจะเป็น และเหตุผลที่ทำให้เกิดผลสำเร็จ อันไหนดีกว่า หรือเหมาะสมกว่าสำหรับคุณครับ แนวทางนี้ แนวทางที่นุชา รักษาสิวจนดึขึ้นจนถึงตอนนี้ ไม่ได้รักษาด้วยวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถขับสารพิษบนใบหน้า นุชาเชื่อมั่นว่าตอนนี้ไม่มีผลิตภัณฑฺ์ใดๆ ที่ช่วยละล้างสารพิษที่ตกค้างได้ นอกจากผิวจะผลักสารเคมีออกมาเอง ซึ่งนุชาเชื่อตามที่ อย. ยืนยันว่าถูกต้องและเข้าใจดีครับ
นุชาไม่แนะนำวิธีการรักษาสิว ด้วยการ สวนลำไส้ หรืออะไรก็ตามแต่ที่พยายามจะดันสิวออกไปหน้ามาเยอะๆ เพื่อให้รักษาภายหลัง หรือการอดอาหารล้างพิษนานๆ งดเนื้อสัตว์ งดอาหารต่างๆ ที่ทานอยู่แบบหักดิบสุดโต่งจนร่างกายผอมโซ น้ำหนักลงฮวบฮาบ ไม่ใช่วิธีการที่นุชาทำ และไม่สนับสนุน ไม่มีใครหรือคนในใดชีวิตจริง ที่จะสามารถทำวิธีการนี้แบบถาวรได้ หากคุณทำได้ เมื่อคุณกลับมาทานอาหารแบบเดิมๆ สิวคุณก็จะกลับมาแน่นอน เพราะร่างกายของคุณจะปรับไม่ทัน แนวทางนี้จะทานอาหารแบบคนทั่วไป เพียงแค่ลดอาหารที่ไม่สมควรทานให้น้อยลง ทานได้ ทานไปเลย แต่ทานให้น้อยๆ ร่างกายจะได้ไม่แย่ และสามารถ ดำรงค์อยู่อย่างมีความสุขครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
30 มิถุนายน 2557
เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นตัวแปร สำคัญที่สุดที่จะทำให้การรักษาสิวของเราเอง ประสบผลสำเร็จ หรือ ล้มเหลว เพราะบางคนสิวเยอะอยู่แล้ว อยากสิวหายไวๆ รักษา สามสี่วันไม่ดีขึ้นก็เปลี่ยนยา เปลี่ยนวิธีการรักษาสิว นุชาตอบตรงนี้เลยนะครับ ใครสิวเยอะๆ นะ 3 -7 วัน มันไม่หายหรอก หรือ แทบจะไม่ดีขึ้นเลยด้วยซ้ำเพราะ กว่าจะสังเกตุได้ว่าสิวดีขึ้นบ้าง ก็ใช้ระยะเวลาประ 1 - 2 เดือน ครับ ต้องใจเย็นๆ มากๆ ครับ
หากเป็นสิวเยอะๆ สิ่งสำคัญที่ต้องบอกเลยก็คือ ยอมรับความจริง ว่าเราเป็นสิว เพราะหากเมื่อเรายอมรับความจริงแล้ว เราจะรักตัวเองมากขึ้น ไม่เครียดเวลาใครมาพูดติ เตือน หรือ แนะนำ เราจะคล้อยไหวตามคนอื่นๆ อยากมาก เพราะเรายอมรับว่าเราเป็นสิวนั่นเองครับ
บอกกับตัวเอง และให้กำลังตัวเองให้ฟันฝ่ามรสุมนี้ไปให้ได้ครับ บอกตัวเองว่าเราต้องทำได้ คนอื่นยังทำได้ นุชาทำได้ แล้วคุณทำไมจะทำไม่ได้ครับ "ทำเหตุให้ดี ผลที่ดีก็จะออกมาเองครับ"
นุชาเคยเขียนบทความเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก เป็นการรักษาระดับจิตใจเพื่อให้การรักษาสิวให้เกิด ผลสำเร็จ รวมทั้งการเรียน การใช้ชีวิต ลองเปิดดูได้ที่นี่นะครับ อาจช่วยเป็นแรงบันดาลใดให้กับหลายๆ คนได้ครับ
บทความ Trance For Acne : ปฏิบัติการรักษาสิวจากจิตใต้สำนึก ได้ผลจริง! By นุชา
1.7 แนะนำก่อนการปฏิบัติจริง
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากรักษาสิวจากภายใน ตามคำแนะนำของนุชาดู หากไม่เคยทำตามแนวทางของใครๆ ก็สามารถเริ่มทำได้เลยครับ หรือหากใครทำตามแนวทางของใครอยู่ ก็ให้ทำตามแนวทางนั้นๆ ไปเลยครับ ไม่ต้องเอาหลายๆ แนวทางมาผสมกัน เพราะตัวคุณเองจะ งง หรือาจจะพิจารณาด้วยตนเองว่า คุณเหมาะสมกับอันไหน เงิน งบประมาณ ความรู้ ความน่าจะเป็น และเหตุผลที่ทำให้เกิดผลสำเร็จ อันไหนดีกว่า หรือเหมาะสมกว่าสำหรับคุณครับ แนวทางนี้ แนวทางที่นุชา รักษาสิวจนดึขึ้นจนถึงตอนนี้ ไม่ได้รักษาด้วยวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถขับสารพิษบนใบหน้า นุชาเชื่อมั่นว่าตอนนี้ไม่มีผลิตภัณฑฺ์ใดๆ ที่ช่วยละล้างสารพิษที่ตกค้างได้ นอกจากผิวจะผลักสารเคมีออกมาเอง ซึ่งนุชาเชื่อตามที่ อย. ยืนยันว่าถูกต้องและเข้าใจดีครับ
นุชาไม่แนะนำวิธีการรักษาสิว ด้วยการ สวนลำไส้ หรืออะไรก็ตามแต่ที่พยายามจะดันสิวออกไปหน้ามาเยอะๆ เพื่อให้รักษาภายหลัง หรือการอดอาหารล้างพิษนานๆ งดเนื้อสัตว์ งดอาหารต่างๆ ที่ทานอยู่แบบหักดิบสุดโต่งจนร่างกายผอมโซ น้ำหนักลงฮวบฮาบ ไม่ใช่วิธีการที่นุชาทำ และไม่สนับสนุน ไม่มีใครหรือคนในใดชีวิตจริง ที่จะสามารถทำวิธีการนี้แบบถาวรได้ หากคุณทำได้ เมื่อคุณกลับมาทานอาหารแบบเดิมๆ สิวคุณก็จะกลับมาแน่นอน เพราะร่างกายของคุณจะปรับไม่ทัน แนวทางนี้จะทานอาหารแบบคนทั่วไป เพียงแค่ลดอาหารที่ไม่สมควรทานให้น้อยลง ทานได้ ทานไปเลย แต่ทานให้น้อยๆ ร่างกายจะได้ไม่แย่ และสามารถ ดำรงค์อยู่อย่างมีความสุขครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
30 มิถุนายน 2557
ติดตามพูดคุยในเพจของนุชาได้ที่นี่นะครับ
หรือค้นหา : เรื่องสิว เรื่องบ้านๆ By Nucha
นุชา
นุชา