Thursday, October 3, 2013

สูตรล้างพิษตัวโดยไม่สวนลำไส้ แบบเต็มฉบับ โดย พี่ปอย

สวัสดีครับหลังจากที่นุชาห่างหายจากการเขียน blogger มานาน สองสามวันก่อนนุชาได้พูดคุยกับพี่ปอย เรื่องเกี่ยวกับการรักษาสิว โดยวิธีการล้างพิษตับ แต่.. การล้างพิษตับที่พี่ปอยใช้นั้นจะเป็นวิธีที่แปลกออกไปคือ ล้างพิษตับโดยไม่ใช้วิธัการสวนลำไส้ แต่ใช่ตัวยาสมุนไพรฤทธิ์เย็นแทน ซึ่งผลออกมาได้ผลดีเฉกเช่นเดียวกันกับการสวนไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด

ทั้งนี้ วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการล้างพิษตับทุกคน บางคนที่นุชาสอบถามและพูดคุยกันมา จะไม่ถูกกับสมุนไพรบางตัว เช่น ตัวมะขามแขกจะมีอาการแพ้ เหมือมจะเป็นลมหน้ามืด แต่น้อยคนนักจะมีอาการแบบนี้ หากท่านเป็นคนหนึ่งที่เคยทานยาระบายยี่ห้อต่างๆที่มีส่วนผสมของส้มแขก มะขามแขก ก็ให้มั่นใจในระดับนึงก่อนว่าผ่านไประดับนึงแล้วนะครับ

พี่ปอย ผู้ให้ข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติล้างพิษตับ

เอาละครับ ร่าย มายาวมาก นุชาขอนำเสนอข้อมูลที่ได้จากพี่ปอยดังนี้นะครับ

ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย เพราะตับมีหน้าที่ บรา บรา ....... (อ้างอิงแบบวิชาการตาม ref นี้นะค่ะ...(1-3 และอื่นๆอีกมากมาย) ประเด็นก็คือ อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า การเป็นสิวก็มีสาเหตุหนึ่งมาจากการมีไขมันพอกตับเยอะตามที่เอกสารอ้างอิง 4 ได้ให้ความรู้เรามา ซึ่งเราเชื่อไปแล้วและอยากลองทำดู แต่ไม่อยากสวนตูด ก็เลยลองหาวิธีอื่นดูเพราะเคยลองทำมา 2 รอบแบบสวนตูดแล้วมันไม่ค่อยสะดวกเลยจริงๆ สรุปเลยแล้วกันนะค่ะว่าข้อความทั้งหมดนี้มีวัตถุประสงค์คือมาแชร์วิธีการล้างไขมันตับแบบไม่สวนตูดจ้า... 



วัสดุอุปกรณ์

1.น้ำมันมะกอกสกัดเย็น
2.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
3.ดีเกลือ 1/2 ช้อนกินข้าว : น้ำ 1/2 แก้ว (น้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ยังไงก็ขมอยู่ดี)
4.ลิดท็อกซ์
5.น้ำแอ๊ปเปิ้ล/น้ำผลไม้ที่มีปริมาณกรดมาลิคสูง
6.น้ำสมุนไพรล้างลำไส้ สูตร 1 และ 2(ไม่ได้มีการเพิ่มเติมสิ่งอื่นลงไปแต่อย่างใดเพียงแต่ปริมาณน้ำในการต้มต่างกันเท่านั้นค่ะ)

      -น้ำสมุนไพรล้างลำไส้ สูตร 1 : สมุนไพร 1 ห่อ ต่อน้ำ 1 ลิตร
      -น้ำสมุนไพรล้างลำไส้ สูตร 2 : สมุนไพร 1 ห่อ ต่อน้ำ 2 ลิตร

7.อาหารเสริม ensure 1 กระป๋อง
8.น้ำมะนาว/น้ำส้มคั้นสด/น้ำบีทรูท




วิธีการปฏิบัติ

ระยะเวลาในการปฏิบัติการทั้งหมดคือ 7 วันนะค่ะ อ้างอิงวิธีปฏิบัติจากเอกสารหมายเลข 4 ค่ะ (อาจมีการดัดแปลงบ้างตามความสะดวกของผู้ปฏิบัติ)

วันที่ 1 – 5
1.ทำกิจวัตรต่างๆ ตามนาฬิกาชีวิต
2.ตื่นเช้า, ขับถ่าย 5.00 -7.00 น. (ปล.เนื่องจากเราเป็นคนถ่ายยากมากกินน้ำก็แล้ว จัดหนักผัก, ผลไม้ ก็แล้ว กดจุดอะไรก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นก็เลยจัดน้ำสมุนไพรล้างสำไส้สูตร 2 เป็นตัวช่วย จริงๆคือหวังผลว่าให้ช่วยล้างลำไส้และช่วยการขับถ่าย)
3.ก่อนกินข้าว oil pulling ด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 แป๊ก ประมาณ 20 นาที (ถ้าทำได้ T_T)
4.กินข้าวเช้า กลางวัน และเย็นตามปกติ แต่เน้นผัก ผลไม้ เยอะๆ และไม่กินเนื้อหมู ไก่ และวัว ของทอด นม ด้วยจ๊ะ (สรุปคือกิน ปลานึ่ง, ยำ, ส้มตำ, ผักต้ม อะไรประมาณนี้ กินแบบไม่ซีเรียส แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่)
5.วันที่ 1, 3 และ 5 จะเพิ่ม ensure 1 แก้ว ด้วย (ตอนเช้า) คิดไปเองว่าสารอาหารไม่น่าจะพอเพราะกินเมนูซ้ำๆ(ถ้าเราทำผิดโปรดบอกกันด้วยน้า)
6.ระหว่างวันกินน้ำแอบเปิ้ลหรือน้ำอะไรก็ตามที่เค้าบอกว่ามีกรดมาลิคสูงวันละ 1 ลิตร (เหตุผลอยู่ใน ref 4 จ้า)


วันที่ 6 (วันอดข้าวววว)
1.ตื่นตามปกติตามนาฬิกาชีวิต... จริงๆแล้วตื่น 6.30 อ่ะเพราะน้ำสมุนไพรที่กินมันจะทำให้ตื่นช่วงนี้ตลอดเนื่องจากมันส่งข้าศึกมาเตรียมโจมตี จึงต้องตื่นไม่งั้นนน อาจมีตายกันบ้างงงงขับถ่ายเรียบร้อย
2.กินน้ำแอ๊บเปิ้ลก่อนเลย 1 แก้ว ตามด้วยน้ำสมุนไพรล้างลำไส้ สูตร 1 1 แป๊ก และทำ oil pulling เหมือนเดิม
3.ตอน 9.00, 12.00 และ 15.00 กินลิดท็อกซ์(ใครมีตัวอื่นไม่ว่ากันประมาณว่าคุณสมบัติตัวนี้คือช่วยล้างลำไส้เหมือนกัน)
4.ระหว่างวันก็กินน้ำแอ๊บเปิ้ล, น้ำผลไม้ปั่นแยกกากบ้าง มีอะไรก็ปั่นกันไป
5.ช่วง 10.00 -10.30 น.จะเข้าห้องน้ำเนื่องจากกินน้ำสมุนไพรล้างสำไส้สูตร 1 เข้าไป ตอนนี้สิ่งที่ออกมาจะเป็นลิดท็อกซ์ที่กินเข้าไปและอื่นๆ ที่เค้าสามารถพามาได้
6.13.00 น. กินน้ำสมุนไพรล้างสำไส้สูตร 1 อีก 1 แป๊ก
7.ระหว่างวันในช่วงบ่ายจะเปลี่ยนเป็นกินน้ำเปล่าแทนเมื่อหิวน้ำ แต่เนื่องจากกินลิดท็อกซ์ไปจะไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่
8.18.00 น. กินดีเกลือ อาบน้ำเรียบร้อย
9.20.00 น. กินดีเกลือ เริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์ (น้ำมันมะกอก,น้ำมะนาว,น้ำบีทรูท)
10.22.00 น. ผสมน้ำมันมะกอกต่อน้ำมะนาว อัตราส่วน 1:1 (ของเราใช้น้ำมันมะกอก 150 mL)
11.22.10 น. เขย่าขวดแล้วกินอย่างรวดเร็ว (เปรี้ยวโค-ตร แนะนำว่าใครจะทำให้ผสมน้ำผลไม้อื่นไปด้วย เช่น น้ำส้ม) จากนั้นล้มตัวแล้วหลับไปเลย (ทำใจให้หลับ เที่ยวนี้น่ากลัวมากผะอืดผะอมหลายๆ)

วันที่ 7
1.2.00 น. ตื่นมากินน้ำบีทรูท (ตามแผนวางไว้อย่างนั้น แต่ไม่ตื่น 55)
2.ตื่น 6.30 น. กินน้ำ ทำ oil pulling ดื่มดีเกลือ 
3.7.00 น. ดิ่มน้ำสมุนไพรสูตร 1 
4.10.30-11.00 น. เข้าห้องน้ำรอเตรียมเก็บวัตถุโบราณได้เลย
5.12.00 น. ดื่มน้ำสมุนไพรสูตร 1 อีกทีและรอเก็บวัตถุโบราณประมาณ 16.00 น.


** เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย **

1.น้ำสมุนไพรล้างลำไส้สูตร 1 และ 2 นั้น ได้ผ่านการทดลองมาแล้วว่าปริมาณที่ใช้ต้มเหมาะสมกับตัวเราเท่านั้นซึ่งถ้าเป็นสูตร 1 กินแล้วจะขับถ่ายภายในเวลา 4 ชั่วโมง ขณะที่สูตร 2 จะขับถ่ายในเวลา 8 ชั่วโมง (ถ้าใครจะทำตามต้องลองดูก่อนนะค่ะว่าแต่ละคนธาตุแข็งธาตุอ่อนขนาดไหนกินแล้วใช้ระยะเวลาในการขับถ่ายเท่าเรารึเปล่า)

2.ในวันที่ 7 นั้น เราสวนตูด 1 ครั้งเนื่องจากว่าตื่นมาแล้วไม่ได้ขับถ่าย ก็เลยกลัวไปเองว่ามันจะมีอะไรลงมาแล้วรึเปล่า ซึ่งหลังจากการสวนไปแล้วพบว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แต่อย่างใด (เราใช้น้ำสะอาดต้มสุกทิ้งจนอุ่นในการสวน)

3.ในการขับถ่ายครั้งแรก ผลปรากฏว่ามีก้อนไขมันออกมา แต่ปริมาณน้อยกว่าที่เคย ยอมรับว่าเป็นกังวลเล็กน้อยว่ามันจะไม่สำเร็จ ก็เลยจัดน้ำสมุนไพรไปอีก 1 แป๊ก
4.ในการขับถ่ายครั้งที่ 2 มีไขมันออกมาเยอะขึ้น และอะไรก็ไม่รู้หยุ่นๆ เหมือนไส้หมู บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ (ขออภัยที่ไม่มีภาพประกอบเกรงใจจจจ)

5.ในส่วนของวันที่ 7 เราเริ่มทานอาหารอ่อน ๆ บ้างแล้วเนื่องจากต้องใช้แรงงาน เมนูที่กิน ก็คือซุปมันฝรั่งผสมเห็ด 3 อย่าง, ซุปข้าวโพดผสมน้ำบีทรูท (ความอร่อยขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งเราไม่มี.......555 แต่ก็กิน หลังจากนั้นก็กินอาหารอ่อนๆ อีก 1 วัน) 

6.ค่ำวันที่ 7 เราจัดน้ำสมุนไพรสูตร 2 ไปอีก 1 แป๊ก เพื่อความชัวร์ว่าจะไม่มีไขมันตกค้าง ดังนั้นตลอดวันที่ 8 ก็เลยสำรวจตลอดว่ามีอะไรออกมาบ้าง ซึ่งมันก็มีออกมาบ้างแล้วปริมาณก็ค่อยลดลงไป (กรณีนี้ถ้าใครสามารถขับถ่ายได้เองทุกเช้าไม่ต้องทานแล้วนะค่ะ แต่เราอย่างที่บอกว่าเป็นคนขับถ่ายแยกเลยจัดไปอีกนิดนึง)

7.อันนี้ไม่รู้เกี่ยวกันไหม แต่เนื่องจากว่าก่อนทำการล้างพิษเราได้ไปนวดมาแล้วมีความรู้สึกว่าการนวดคลายเส้นมันช่วยเรื่องการหมุนเวียนของเลือดได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่ามันช่วยให้วัตถุโบราณที่ไม่คุ้นเคยออกมาด้วยรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือ การนวดช่วยเรื่องการหมุนเวียนเลือดและลมได้เป็นอย่างดี และขอบอกว่าถ้าใครปวดหลังเวลาไปนวดลองให้เค้ากดท้องดู คุณอาจจะเป็นดาลอยู่ก็ได้ เพราะเราเป็นอยู่ การเป็นดาลคือมีก้อนแข็งอยู่ที่ท้องแล้วขอบอกว่าเอาออกยากมาก (นวดออกนะค่ะ) มันจะทำให้เลือดลมเดินไม่สะดวก (ปล.คนเป็นหมอนวดต้องเก่งนิดนึงนะค่ะ ไม่งั้นอย่ากดดีกว่า เจ็บตัวฟรีค่ะ)




สรุป....สรุป
ประสบการณ์นี้เป็นการทดลองครั้งที่ 1 ซึ่งอาจจะมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนอยู่บ้าง แต่วัตถุประสงค์ที่เขียนคืออยากให้ข้อมูลที่ถ่ายทอดนี้เป็นแนวทางหนึ่งให้เพื่อนๆ ได้ตัดสินใจซึ่งจะถูกหรือผิดอย่างไรต้องขอให้ทุกคนใช้วิจารณาเป็นตัวตัดสินนะค่ะ  

เรื่องของสิว แต่ไม่เคยสิว..สิว


เอกสารอ้างอิง
1. http://thai-healthy.blogspot.com/2011/01/blog-post_21.html
2. http://www.thailiverfoundation.org/th/cms/detail.php?id=28
3. http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/GI/fatty/fatty.htm#.Ukk6K4ZT5lM
4. http://www.morhna.com/O1001-8.htm


แอะ อ่านกันจบรึเปล่าเอ่ย หากอ่นแล้วยังเกิดข้อสงสัยในการปฏิบัติ หรือมีข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาสิว สามารถแอดเค้ามาพูดคุยกันได้ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/happynucha



ขอบให้สุขภาพดีเกิดขึ้นกับทุกคนนะครับ 
XOXO,
HAPPY  NUCHA